5 วิธีเลือกซื้อจักรยานไฟฟ้าให้ตอบโจทย์การใช้งาน

ในยุคที่เทคโนโลยีเกี่ยวกับยานพาหนะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ ที่ถูกปรับเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่สำหรับผู้ที่ต้องการทางเลือกของพาหนะการเดินทางที่หลากหลายยิ่งขึ้น “จักรยานไฟฟ้า” นับเป็นทางออกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องการเดินทางในระยะใกล้ ๆ หรือกลุ่มคนสมัยใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ชอบเดินทางด้วยจักรยาน เพราะเล็งเห็นถึงความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา และประหยัดค่าใช้จ่าย แถมยังได้ออกกำลังกายเบา ๆ ไปพร้อมกัน เพื่อให้รู้จักกับจักรยานไฟฟ้ากันมากขึ้น เราจะพาไปดูข้อดีของจักรยานไฟฟ้า และมีวิธีเลือกซื้อจักรยานไฟฟ้ามาแนะนำกัน

จักรยานไฟฟ้าคืออะไร

จักรยานไฟฟ้า (Electric Bicycle) หรือ E-Bike คือ จักรยานที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน โดยมีส่วนประกอบหลักคือ มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อจักรยาน แบตเตอรี่ที่ทำหน้าที่เก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า และชุดควบคุม สำหรับควบคุมการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ช่วยทำให้การปั่นจักรยานเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

จักรยานไฟฟ้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก

  1. จักรยานไฟฟ้าแบบปั่นได้ (Pedal-Assist Electric Bicycle) เป็นรูปแบบจักรยานปั่นขาเหมือนจักรยานทั่วไป แต่มีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยในการขับเคลื่อน ทำให้สามารถปั่นได้ไกลขึ้นและเร็วขึ้น
  2. จักรยานไฟฟ้าแบบไม่ต้องปั่น (Electric Bicycle) เป็นรูปแบบจักรยานไฟฟ้าที่ไม่ต้องออกแรงปั่นขาเลย โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนจักรยานให้ไปข้างหน้าทั้งหมด จึงช่วยประหยัดแรงที่ใช้ปั่นได้

จักรยานไฟฟ้า เป็นรูปแบบจักรยานที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และนิยมใช้อย่างแพร่หลายในประเทศแถบยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย เยอรมัน และฝรั่งเศส เนื่องจากช่วยลดแรงปั่นได้ แต่ยังให้ความรวดเร็วในการขับขี่ที่ดี นอกจากนี้ ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันจักรยานไฟฟ้ามีให้เลือกหลากรุ่น หลายราคา สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของการใช้งาน

5 ข้อดีของจักรยานไฟฟ้า

  1. ประหยัดแรง : จักรยานไฟฟ้าช่วยประหยัดแรงในการปั่นจักรยาน เนื่องจากมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยในการขับเคลื่อนจักรยาน ทำให้สามารถปั่นจักรยานได้ไกลขึ้นและเร็วขึ้นโดยไม่ต้องออกแรงมาก นับว่าเป็นข้อดีของจักรยานไฟฟ้าที่ทำให้หลายคนเทใจมาเลือกใช้
  2. น้ำหนักเบา : จักรยานไฟฟ้ามีน้ำหนักเบากว่ารถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะจักรยานไฟฟ้าแบบพับได้จะมีน้ำหนักเบากว่าจักรยานไฟฟ้าแบบอื่น ๆ เนื่องจากมีโครงสร้างที่เล็กและกะทัดรัด
  3. สะดวกและปลอดภัย : จักรยานไฟฟ้าสามารถเริ่มขับขี่ได้ง่าย และมีความเร็วเฉลี่ยสูงสุดเฉลี่ยเพียง 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วที่ปลอดภัยต่อผู้ขี่มากกว่ารถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์
  4. ช่วยลดการปล่อยมลพิษ : ข้อดีของจักรยานไฟฟ้า คือ การใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน จึงช่วยลดการปล่อยมลพิษทางอากาศและเสียงรบกวนได้
  5. ประหยัดพลังงาน : จักรยานไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่ารถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์

การเลือกซื้อจักรยานไฟฟ้าให้ตอบโจทย์

วิธีเลือกซื้อจักรยานไฟฟ้า

1. ประเภทมอเตอร์ไฟฟ้า

มอเตอร์ของจักรยานไฟฟ้า มีให้เลือก 2 แบบหลัก คือมอเตอร์แบบขับกลาง (Mid Drive) และฮับมอเตอร์ (Hub Motor) โดยมีความแตกต่างดังนี้

มอเตอร์แบบขับกลาง มีประสิทธิภาพให้แรงบิดที่สูงกว่าฮับมอเตอร์ ทำให้สามารถปั่นจักรยานได้เร็วขึ้นและขึ้นเนินได้ง่ายขึ้น รวมถึงยังช่วยให้จักรยานมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ทำให้มีความสมดุลและควบคุมได้ง่ายขึ้น

ฮับมอเตอร์ เป็นมอเตอร์ที่ให้แรงบิดน้อยกว่ามอเตอร์แบบขับกลาง แต่มีคุณสมบัติเรื่องน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย และมีราคาถูกกว่ามอเตอร์แบบขับกลาง

การเลือกมอเตอร์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งานของผู้ขับขี่ หากต้องการจักรยานที่สามารถปั่นได้เร็วขึ้นและขึ้นเนินได้ง่ายขึ้น มอเตอร์แบบขับกลางเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่หากต้องการจักรยานที่มีราคาไม่แพงและติดตั้งง่าย ฮับมอเตอร์เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

2. ความจุของแบตเตอรี่

ความจุของแบตเตอรี่จักรยานไฟฟ้าจะเป็นตัวกำหนดระยะทางที่จักรยานสามารถวิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่จะมีความจุมากกว่า และสามารถวิ่งได้ไกลกว่าแบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็ก ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อควรพิจารณาถึงระยะทางที่ต้องการขับขี่ประจำ หากต้องขับขี่จักรยานไฟฟ้าในระยะทางไกล ควรเลือกแบตเตอรี่ที่มีความจุสูงขึ้น

3. วัสดุโครงสร้าง

วิธีเลือกซื้อจักรยานไฟฟ้าให้คุ้มค่ามากที่สุด คือการพิจารณาถึงวัสดุโครงสร้างที่ส่งผลต่อความแข็งแรง ทนทาน และน้ำหนักของจักรยานไฟฟ้า รวมถึงพิจารณาจากการใช้งาน เช่น หากต้องการเน้นเรื่องความแข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้ดีกว่าวัสดุประเภทอื่น ใช้งานได้โดยไม่ต้องกลัวหักงอ สามารถเลือกวัสดุที่ทำจากเหล็กได้ แต่หากต้องการเน้นที่น้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง และสามารถดูดซับแรงกระแทก แรงสั่นสะเทือนได้ดี ก็สามารถเลือกวัสดุที่ทำจากอะลูมิเนียมหรือคาร์บอนไฟเบอร์ได้

4. ฟังก์ชันการใช้งาน

อีกหนึ่งวิธีเลือกซื้อจักรยานไฟฟ้าให้พิจารณาถึงฟังก์ชันการใช้งาน จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกจักรยานไฟฟ้าที่เหมาะสม เช่น จักรยานไฟฟ้าพับได้เหมาะสำหรับใช้งานในเมือง หรือปั่นไปเพื่อขึ้นรถไฟฟ้าหรือพับเก็บเข้าอาคาร จักรยานไฟฟ้าแบบเสือภูเขาเหมาะสำหรับใช้งานในพื้นผิวที่ขรุขระ หรือเลือกจากฟังก์ชันด้านการใช้งานอื่น ๆ เช่น จักรยานไฟฟ้าถอดแบตชาร์จได้ จักรยานไฟฟ้ามีระบบกันขโมย หรือมีฟังก์ชันปลดล็อกและสตาร์ตด้วยรีโมต เป็นต้น

5. บริการหลังการขาย

สุดท้ายนี้ การเลือกซื้อจักรยานไฟฟ้าให้คุ้มค่า ควรมองหาร้านค้าที่มีบริการหลังการขายที่ดี มีการรับประกันมอเตอร์ รับประกันแบตเตอรี่ รวมไปถึงมีศูนย์บริการครอบคลุม และให้การดูแล/ซ่อมแซมจักรยานไฟฟ้าเมื่อเกิดปัญหาได้

ทั้งหมดนี้ คือข้อดีและวิธีเลือกซื้อจักรยานไฟฟ้า ที่ช่วยให้คุณนำมาใช้งานได้อย่างเหมาะสม และสำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นส่วนประกอบในจักรยานไฟฟ้า ที่ TexFocus เราคือผู้ให้บริการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความเชี่ยวชาญและสร้างชื่อเสียงในฐานะมืออาชีพมานานกว่า 20 ปี พร้อมให้บริการในราคาที่คุ้มค่า และให้คำปรึกษาอย่างครบวงจร ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-593-2000 หรือทางอีเมล contact@texfocus.co.th

ข้อมูลอ้างอิง
1. สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อจักรยานไฟฟ้าในปี 2023. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 จาก https://www.condonewb.com/lifestyle/2054/สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อจักรยานไฟฟ้า